วันพุธที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2553

การเล่นเกมส์ cabal

การเล่นเกมส์ cabal

Warrior นักรบผู้ใช้ดาบขนาดยักษ์ เป็นอาชีพที่มีพลังโจมตีสูงสุด จากการโจมตีด้วยดาบ ซึ่งอาวุธที่อาชีพนี้สามารถใช้ได้คือ Great Sword และ Dai Katana ส่วนเครื่องป้องกันนั้นจะใช้ประเภท Armorsuit Set เช่นเดียวกับอาชีพ Force Shielder ที่มีพลังป้องกันอยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ยังเป็นอาชีพที่มีสกิลโจมตีที่รุนแรง โดยเฉพาะสกิลประเภททำให้ศัตรูล้ม หรือ ทำให้กระเด็น นั้นถือเป็นจุดเด่นของอาชีพ Warrior เลยก็ว่าได้



จุดเด่นของอาชีพ Warrior

- เป็นอาชีพที่มีค่า HP และ พลังป้องกันอยู่ในระดับสูง
- แนวทางการอัพสเตตัสไม่ยุ่งยาก เนื่องจากเน้นค่า STR เป็นหลัก
- มีสกิลโจมตีในระยะประชิดที่มีพลังทำลายสูงมาก
- มีสกิลที่ทำเกิดเป้าหมายล้ม หรือกระเด็น เยอะมาก เรียกว่าหากเข้าประชิดตัวได้เมื่อไหร่ก็รอดยาก

แนวทางการอัพสเตตัส

Great Sword: STR 9, INT 1, DEX 2
DaiKatana: STR 8, INT 1, DEX 3

สเตตัสที่มีความสำคัญที่สุดของอาชีพ Warrior คือ STR ที่จะช่วยเพิ่มพลังโจมตี และพลังป้องกันด้วยการโจมตีปกติ ส่วนค่า INT และ DEX นั้นอัพไว้เพียงเพื่อให้ใส่ชุดหรืออาวุธที่ต้องการได้เท่านั้น ฉะนั้นในช่วงเลเวล 1 – 60 การอัพค่าสเตตัสต่างๆ ให้เราอัพตามค่าสเตตัสที่เกมกำหนดให้ เพื่อการรับเควสท์ “อัพเกรดตัวละคร” ที่จะมีให้เราสามารถทำได้ทุกๆ 10 เลเวล

เมื่อเลเวล 60 ขึ้นไปแล้วนั้นแหละครับ เราถึงจะสามารถเลือกได้ตามต้องการว่าจะเน้นไปที่ค่าใดเป็นหลักระหว่าง STR หรือ DEX โดยดูได้จากความต้องการของเราเอง หากเราต้องการเน้นพลังโจมตีที่รุนแรงก็ให้อัพ STR เป็นหลัก แต่ถ้าต้องการเพิ่มความแม่นยำในการโจมตีและอัตราการหลบหลีกให้อัพ DEX

แนวทางการอัพสกิล

สกิลของอาชีพ Warrior สามารถแบ่งออกได้ 3 ประเภทด้วยกันคือ Sword Skill, Magic Skill และ Upgrade Skill ซึ่งอาชีพนี้ถือว่าเป็นอาชีพที่ใช้สกิลประเภท Sword Skill ได้ดีที่สุด ส่วน Magic Skill นั้นแทบไม่มีประโยชน์ใดๆ เลย นอกจากเอาไว้ยิงเรียกมอนสเตอร์ให้เข้ามาหา เนื่องจากเป็นอาชีพที่เน้นสเตตัสไปที่ค่า STR เป็นหลัก ในขณะที่ค่า INT นั้นน้อยนิด แต่เราสามารถนำ Magic Skill มาใช้เล่นควบคู่ไปกับ Sword Skill ได้เป็นอย่างดี ทั้งตอนเก็บเลเวล ทำเควสท์ ฯลฯ

Sword Skill

สกิลประเภทนี้เรียกได้ว่าเป็นสกิลทำมาหากินของอาชีพ Warrior เลยก็ว่าได้ แม้ว่าในช่วงแรกจะคล้ายกับอาชีพอื่นก็ตาม อีพทั้งความรุนแรงของสกิลก็ยังมีไม่มากนัก เนื่องจากค่า STR ในช่วงต้นๆ ของเรานั้นยังน้อย แต่เราจะเริ่มเห็นผลเมื่อเลเวลเพิ่มสูงขึ้นทั้งเลเวลของสกิลและเลเวลของตัวละคร สำหรับสกิลในประเภท Sword Skill ที่แนะนำให้อัพมีดังนี้

Novice

Impact Stab : สกิลโจมตีด้วยการแทงเป้าหมายที่อยู่เบื้องหน้า
Flash Draw : สกิลโจมตีด้วยการกวาดทำให้เป้าหมายที่อยู่ใกล้เคียงได้รับความเสียหายด้วย
Power Stab : สกิลโจมตีด้วยการแทงเป้าหมายที่อยู่เบื้องหน้า ที่มีความรุนแรงกว่า Impact Stab
Fade step : ถอยออกมาจากศัตรูอย่างรวดเร็ว เพื่อหลบการโจมตี

ทั้ง 4 สกิลที่กล่าวมาในขั้น Novice เราไม่จำเป็นต้องอัพทุกสกิล เพราะบางสกิลเราไม่จำเป็นต้องใช้ โดยเริ่มต้นเกมมาเราจะมีสกิล Impact Stab ติดตัวมาก่อน ให้เราใช้เก็บเลเวลในช่วงแรก และเมื่อเลเวลเพิ่มขึ้นจนสามารถเรียนสกิล Flash Draw ซึ่งได้จากการทำเควสท์ในช่วงแรก ก็ให้เราใช้สกิลทั้งสองนี้แหละครับ เก็บเลเวลควบคู่กันไป จนกว่าเราจะสามารถเรียนสกิล Power Stab ที่มีความรุนแรงกว่า ได้นั้นแหละครับ เราจึงค่อยลบสกิล Impact Stab ออก แล้วหันไปใช้สกิล Power Stab + Flash Draw ในการเก็บเลเวลต่อไป ส่วนสกิล Fade step นั้นไม่จำเป็นต้องอัพในตอนนี้ก็ได้ เอาไว้อัพช่วงหลัง

Appentice

เมื่อระดับเลเวลสกิลของ Sword Skill สูงขึ้นจนถึงขั้น Appentice จะมีอีก 4 สกิลให้เราสามารถเลือกเรียนรู้ได้ดังนี้
Dash : พุ่งเข้าหาเป้าหมายอย่างรวดเร็ว
Concentration : เพิ่มความแม่นยำในการโจมตี
Heavy Slash : โจมตีเป้าหมายด้วยดาบขนาดใหญ่
Press Impact : โจมตีเป้าหมายจากบนลงล่างด้วยกำลังทั้งหมด

ถึงตรงนี้แนะนำให้ถอนสกิล Impact Stab ออกไปได้เลย หากยังไม่ได้ถอนตามที่บอกไว้ข้างต้น เพราะจากนี้ไปเราจะไม่จำเป็นต้องใช้มันอีกแล้ว เพราะสกิลในระดับ Appentice นั้นจะเป็นสกิลที่มีพลังดจมตีที่รุนแรงกว่ามาก สำหรับสกิลที่แนะนำให้เรียนในขั้นนี้คือสกิล Concentration ส่วนสกิล Heavy Slash และ Press Impact ให้เลือกเอาว่าจะเรียนสกิลไหน ส่วนตัวผมเลือกเรียน Press Impact แม้ว่าจะเรียนรู้ได้ช้ากว่าเพราะต้องรอ Appentice ให้ถึงขั้น 8 เสียก่อนจึงจะสามารถเรียนรู้ได้ แต่เราก็จะได้ สกิลโจมตีที่รุนแรงที่สุด ก็นับว่าคุ้มค่ากับการรอคอย ส่วนสกิล Dash นั้นไม่จำเป็นต้องอัพครับ

Magic Skill

อย่างที่ได้กล่าวไปในตอนต้นว่าสกิลที่อยู่ในประเภท Magic นั้นไม่มีความจำเป็นเท่าไหร่สำหรับอาชีพ Warrior เพราะสกิลที่สามารถเรียนรู้ได้ในประเภทนี้จะเป็นเพียงสกิลพื้นฐานที่มีให้เรียนกันได้ทุกๆ อาชีพอยู่แล้ว แต่ถึงกระนั้นเราก็ยังจำเป็นต้องอัพสกิลสาย Magic ไว้สำหรับใช้ยิงเรียกมอนสเตอร์ให้ออกมาจากกลุ่ม หรือในกรณีที่มอนสเตอร์อยู่กันกระจัดกระจายเราก็สามารถยิงเพื่อเรียกให้มันมารวมกลุ่มกันก็ได้เช่นกัน ส่วนจะเรียนมากน้อยแค่ไหนก็แล้วแต่ความชอบเลยครับ สำหรับสกิลที่มีให้เรียนรู้ได้มีทั้งหมด 5 สกิลด้วยกันดังนี้

Novice

Magic Arrow : โจมตีเป้าหมายด้วยเวทมนตร์ในระยะไกล
Terra Arrow : โจมตีเป้าหมายด้วยเวทมนตร์ธาตุดินในระยะไกล
Aqua Arrow : โจมตีเป้าหมายด้วยเวทมนตร์ธาตุน้ำในระยะไกล
Wind Arrow : โจมตีเป้าหมายด้วยเวทมนตร์ธาตุลมในระยะไกล
Fire Arrow : โจมตีเป้าหมายด้วยเวทมนตร์ธาตุไฟในระยะไกล

ทั้ง 5 สกิลที่กล่าวมานี้ แนะนำให้เรียนเพียง 1 – 2 สกิลก็พอแล้วละครับ ซึ่งหากถามว่าอันไหนแรงที่สุดก็ Fire Arrow เลยครับ อันนี้เป็นความชอบส่วนตัวนะครับ ^^

Upgrade Skill

สกิลประเภทนี้ถือว่ามีความสำคัญต่อตัวละครเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นสกิลติดตัวที่จะส่งผลต่อความสามารถพื้นฐานในด้านต่างๆ ของตัวละคร สำหรับอาชีพ Warrior จะมีสกิลประเภท Upgrade Skill ที่จำเป็นต้องมีอยู่หลายสกิลด้วยกันดังนี้

Vitality Mastery : เพิ่มปริมาณ HP สูงสุด
Sharp eyes : เพิ่มระดับความแม่นยำของโจมตี Hit Rate
Reflex : เพิ่มอัตราการหลบหลีก Defense Rate

ทั้ง 3 สกิลที่กล่าวมานั้นสกิล Vitality Mastery เราสามารถเรียนรู้ได้ในขั้น Novice ส่วนสกิล Sharp eyes และ Reflex นั้นเราสามารถเรียนรู้ได้เมื่อเข้าสู่ขั้น Appentice โดยให้เลือกเอาว่าจะเรียนสกิลใด ถ้าอยากเพิ่ม Hit Rate ก็เรียนสกิล Sharp eyes ซึ่งจะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการโจมตี และพลังโจมตีขั้นพื้นฐาน แต่ถ้าต้องการเพิ่ม Defense Rate ก็เรียนสกิล Reflex ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตราการหลบหลีก และพลังป้องกันขั้นพื้นฐานให้กับตัวละครของเรา



อาวุธคู่กาย

อาวุธคู่กายของอาชีพ Warrior นั้นจะมีให้ผู้เล่นได้เลือกใช้กันได้ 2 ชนิดคือ Great Sword และ Dai Katana ซึ่งอาวุธทั้ง 2 ชนิดนี้ต่างก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันดังนี้

Great Sword : ลักษณะจะเป็นดาบขนาดใหญ่ หากต้องการใช้อาวุธชนิดนี้เราควรเน้นอัพค่า STR ให้สูงไว้ก่อน ส่วนค่า DEX นั้นต้องการเพียงเล็กน้อย จึงส่งผลอาวุธชนิดนี้มีพลังโจมตีที่สูงมาก แต่ความแม่นยำในการโจมตีนั้นค่อนข้างต่ำ จึงมีโอกาสทำให้โจมตีพลาดบ่อยครั้ง

Dai Katana : ลักษณะจะเป็นดาบเรียวยาว ที่มีขนาดใหญ่กว่าดาบมือเดียวเท่าตัว อาวุธชนิดนี้ต้องการค่า STR น้อย แต่ต้องการค่า DEX มาก จึงส่งผลให้อาวุธชนิดนี้มีความแม่นยำในการโจมตีสูง แต่พลังโจมตีนั้นจะน้อยกว่า Great Sword อยู่พอสมควร

เครื่องป้องกัน

เครื่องป้องกันของอาชีพ Warrior นั้นจะเป็นเกราะหนักประเภท Armorsuit Set เช่นเดียวกับอาชีพ Force Shielder ที่มีพลังป้องกันอยู่ในระดับสูงที่สุดในบรรดาเครื่องป้องกันทั้งหมด ซึ่งในตอนต้นนั้นสามารถใช้ร่วมกันได้ แต่ถ้าหากเป็นชุดระดับสูง ก็จะกำหนดค่าสเตตัสที่ต้องการแตกต่างกันออกไป ตามรูปแบบการเล่น สำหรับเครื่องป้องกันประเภท Armorsuit Set ที่อาชีพ Warrior สามารถใช้ได้นั้นมีอยู่ทั้งหมด 9 ชุดด้วยกันดังนี้







แนวทางการเล่น Warrior

สำหรับแนวทางการเล่นของอาชีพ Warrior นั้นในช่วงเลเวล 1 – 60 การอัพสเตตัสให้เราอัพตามที่เกมกำหนด โดยดูได้จากด้านบนของหน้าต่าง Status สำหรับทำตามเควสท์อัพเกรดตัวละครซึ่งจะมีให้เราทำทุกๆ 10 เลเวล และเมื่อเลเวล 60 ขึ้นไปแล้วนั้นแหละครับ เราถึงจะสามารถเลือกได้ตามต้องการว่าจะเน้นไปที่ค่าใดเป็นหลักระหว่าง STR หรือ DEX โดยดูได้จากความต้องการของเราเอง หากเราต้องการเน้นพลังโจมตีที่รุนแรงก็ให้อัพ STR เป็นหลัก แต่ถ้าต้องการเพิ่มความแม่นยำในการโจมตีและอัตราการหลบหลีก หรือถ้าหากยังคิดไม่ออกว่าจะอัพมากน้อยแค่ไหน ก็ให้ดูได้จาก อาวุธและชุดเกราะที่เราต้องการจะใช้ก็ได้เช่นกันดังนี้



Great Sword : สายนี้ให้อัพ STR เป็นหลัก ซึ่งเป็นสายที่มีพลังโจมตีสูงมาก แต่ความแม่นยำนั้นค่อนข้างต่ำ มีโอกาสโจมตีพลาดบ่อยพอสมควร แต่เนื่องจากจุดเด่นของสายนี้คือ STR พลังโจมตีคือทุกสิ่งทุกอย่างของสายนี้ แม้ว่าช่วงแรกๆ เราจะโจมตีพลาดบ่อยๆ เนื่องจาก DEX น้อย แต่เมื่อเล่นไปได้สักพักเมื่อเราได้สกิลอย่าง Concentration ซึ่งเป็นสกิลที่ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการโจมตีแล้วล่ะก็ เลิกห่วงการโจมตี Miss ไปได้เลย

Dai Katana : สายนี้ให้อัพ DEX มากขึ้นอีกนิด ซึ่งจะส่งผลให้มีความแม่นยำในการโจมตีมากยิ่งขึ้น แต่พลังโจมตีก็จะน้อยลงนิดหน่อย ตามสัดส่วนที่ลดลง แต่สิ่งที่เราจะได้แถมมาด้วยคือ อัตราการหลบหลีก ซึ่งจะเห็นผลได้ชัดเจนก็ต่อเมื่อเลเวลสูงมากแล้ว



ทั้ง 2 สายที่กล่าวมานั้น สำหรับผู้ที่เลือกใช้อาวุธนำมาก่อน ซึ่งเราจะได้พลังโจมตีที่สูงขึ้นตามลำดับ และได้เปลี่ยนอาวุธใหม่ๆ แต่ถ้าหากต้องการเน้นพลังป้องกันเป็นหลักล่ะต้องทำยังไง อันนี้ก็ไม่ยากครับ เพียงแต่เราต้องเปลี่ยนแนวทางกันนิดหน่อย เพราะค่าสเตตัสที่กำหนดในการใส่เครื่องป้องกันนั้น จะคนล่ะแบบกับอาวุธเลยก็ว่าได้ครับ สรุปแล้วก็ขึ้นอยู่ที่ว่าเราจะเลือกใช้อันไหนก่อน ระหว่าง อาวุธหรือเครื่องป้องกัน ก็เท่านั้นล่ะครับ






















Force Archer นักธนูผู้ใช้เวทมนตร์ที่สร้างขึ้นจาก Crystal เป็นอาชีพที่มีรูปแบบการเล่นคล้ายกับ Wizard เพียงแต่สกิลส่วนมากจะเป็นสกิลโจมตีล้วนๆ สามารถโจมตีได้จากระยะไกล และจุดเด่นที่สุดของอาชีพนี้ไม่ได้อยู่ที่ความสามารถในการโจมตี แต่อยู่ที่ความสามารถในการสนับสนุนผู้เล่นอื่นได้ ซึ่งถือว่าเป็นอาชีพเดียวภายในเกมที่มีความสามารถเหล่านี้ เรามาดูกันเลยดีกว่าว่าอาชีพที่มีความสามารถในการโจมตีที่โดดเด่นไม่เป็นรองใครและมีความสามารถในการสนับสนุนมากมายอย่าง Force Archer นี้น่าสนใจขนาดไหน และมีแนวทางการเล่นอย่างไรบ้าง

จุดเด่นของอาชีพ Force Archer

- โจมตีได้ไกลที่สุด และมีความแม่นยำมากที่สุด
- สามารถใช้สกิลได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีค่า Cooldown ต่ำ ทำให้สามารถใช้สกิลได้อย่างต่อเนื่อง
- เป็นอาชีพเดียวที่มีสกิลสนับสนุนทั้งตนเอง และเพื่อนๆ ได้



แนวทางการอัพค่าสเตตัส

Crystal : STR 2, INT 6, DEX 4

ค่าสเตตัสที่สำคัญของ Force Archer คือค่า INT ที่จะช่วยเพิ่มพลังโจมตี ส่วนค่า DEX จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการโจมตี และค่า STR จะอัพไว้เพื่อให้ใส่อาวุธและเครื่องป้องกันเท่านั้น ตอนเริ่มต้นจะเหมือนกันทุกอาชีพ คือตั้งแต่เลเวล 1 จนถึง เลเวล 60 จำเป็นต้องอัพค่าสเตตัสตามที่เกมกำหนดให้อัพตามนั้น เพื่อที่เราจะสามารถรับเควสท์ “อัพเกรดตัวละคร” ที่จะมีให้เราทำทุก 10 เลเวล (10, 20, 30) และนอกจากนี้อาวุธและเครื่องป้องกันก็มีส่วนสำคัญในการอัพสเตตัส เพราะไอเทมทั้งสองชนิดนั้นต่างต้องการค่าสเตตัสในการใช้ที่แตกต่างกัน ฉะนั้นเราควรเลือกเอาว่าจะอัพไปเพื่อใช้ไอเทมอะไร ถ้าจะให้ดีที่สุด ก็ดูไอเทมระดับต่อไปที่เราสามารถใช้ได้ แล้วก็อัพตามนั้นได้เลย

แนวทางการอัพสกิล

สกิลสำคัญของ Force Archer ที่ควรเรียนรู้คือสกิลในสาย Magic Skill เพราะทั้งสกิลโจมตี และ สกิลสนับสนุนต่างๆ จะอยู่ในสายนี้ทั้งหมด ส่วน Sword Skill นั้นแทบจะไม่ได้ใช้เลย นอกจากช่วงหลังที่จำเป็นต้องอัพสกิล Fade Step และ Dash ที่เอาไว้ใช้หลบหนีเวลาถูกเข้าประชิดตัว (ส่วนมากจะเป็นสาย PvP เอาไว้หนีให้หลุดจาก Combo) และสกิลสาย Upgade Skill ก็ถือว่าเป็นสกิลที่ต้องอัพเพื่อช่วยเสริมความสามารถด้านต่างๆ ของตัวละครให้ดียิ่งขึ้น โดยรายละเอียดการเลือกอัพสกิลในแต่ละสายดังนี้

Magic Skill

Force Archer จัดว่าเป็นอาชีพสายเวทมนตร์เช่นเดียวกับ Wizard สกิลส่วนใหญ่ที่ใช้จึงเน้นไปที่ Magic Skill แต่เนื่องจากไม่มีสกิลหยุดเหมือน Wizard แต่ก็ถูกทดแทนด้วยค่าดีเลย์ของสกิลที่น้อย ทำให้เล่นแบบยิงแล้วถอย ได้ดี อีกทั้งยังมีสกิลที่สามารถทำให้เป้าหมายล้มได้อยู่พอสมควร เอาเป้นว่าเรามาดูรายละเอียดสกิลในสาย Magic Skill ที่ควรอัพในช่วงต้นกันเลยดีกว่า

Rank Novice

Magic Arrow : เวทย์มนตร์โจมตีระยะไกลขั้นพื้นฐาน

Power Shot : สร้างลูกธนูวิญญาณโจมตีศัตรู

Regeneration : เวทย์มนตร์พื้นฐานฟื้นฟูพลังชีวิตระหว่างต่อสู้


- สำหรับเวทย์ที่เป็นธาตุต่างๆ ให้เลือกเรียนไว้ใช้ในช่วงแรกสัก 1 – 2 สกิลก็พอ

เริ่มต้นมาเราจะมีสกิล Magic Arrow ติดตัวมาด้วย ให้เรารับเควสท์ในช่วงแรกแล้วจะได้สกิล Power Shot มาโดยไม่ต้องเสียตังเรียน จากนั้นก็ออกไปลุยกันได้เลย โดยให้เราใช้ทั้งสองสกิลนี้ยิงสลับกันไปเรื่อย ก็สามารถจัดการมอนสเตอร์ได้ง่ายๆ แล้ว เพราะเป็นสกิลดจมตีจากระยะไกลทั้งสองสกิล และ Power Shot ยังเป็นสกิลที่มีผลทะลุทะลวงทำให้สามารถโจมตีมอนสเตอร์ได้มากกว่า 1 ตัวอีกด้วย หากเป้าหมายอยู่ในแนวเดียวกัน

เก็บเลเวลไปสักพัก เราจะสามารถเรียนสกิลโจมตีประเภทเวทมนตร์ขั้นพื้นฐานได้ ซึ่งจะมีให้เราเลือกเรียนถึง 6 สกิลด้วยกัน ก็ให้ผู้เล่นเลือกตัดสินใจก็แล้วกันครับว่าจะเลือกสกิลไหน แนะนำว่าเรียนมาใช้เพียง 1 – 2 สกิลก็พอแล้วละครับ ถึงตรงนี้สกิลแรกๆ อย่าง Magic Arrow และ Power Shot ที่เราเคยใช้ก็ลบออกไปได้เลย เพราะเราจะใช้เวทมนตร์ธาตุต่างๆ ที่เรียนมาเป็นสกิลโจมตีแทนนั้นเอง

Rank Appentice

เมื่อเก็บเลเวลจน Rank เพิ่มระดับขึ้นมาเป็น Appentice จะมีสกิลเวทมนตร์ขั้นต่อไปขึ้นมาให้เราอัพ ซึ่งสกิลในขั้นนี้จะมีความสามารถที่แตกต่างจากขั้นแรกพอสมควร อย่างเช่น สกิลขั้นแรกจะเป็นการโจมตีเพียงเป้าหมายเดียว แต่ในขั้นนี้จะสามารถสร้างความเสียหายให้กับเป้าหมายใกล้เคียง หรือ ที่อยู่แนวเดียวกันได้ด้วย ซึ่งในขั้น Appentice มีสกิลให้เราเลือกเรียนรู้ได้ดังนี้

สกิลโจมตี

Critical Shot : รวบรวมพลังเพื่อโจมตี โอกาสคริติคอล 100%
Magic Blast : โจมตีด้วยเวทย์มนตร์ขั้นพื้นฐาน
Stone Blast : เวทย์มนตร์ขั้นต้นโจมตีด้วยพลังแห่งดิน
Aqua Blast : เวทย์มนตร์ขั้นต้นโจมตีศัตรูด้วยพลังแห่งน้ำ
Wind Blast : เวทย์มนตร์ขั้นต้นโจมตีศัตรูด้วยพลังแห่งลม
Fire Blast : เวทย์มนตร์ขั้นต้นโจมตีด้วยพลังแห่งไฟ
Ice Blast : เวทย์มนตร์ขั้นต้นโจมตีด้วยพลังน้ำแข็ง
Lightning Blast : เวทย์มนตร์ขั้นต้นโจมตีด้วยพลังสายฟ้า

สกิลสนับสนุน

Precision : เพิ่มระดับความสามารถในการโจมตี
Repulsive Armor : เพิ่มความสามารถในการป้องกัน

ในขั้นนี้นอกจากสกิลโจมตีของแต่ละธาตุแล้ว ยังมีสกิลสนับสนุนให้เราเลือกเรียนได้อีก ด้วย ซึ่งแนะนำให้เรียนไว้เลยจะดีที่สุด เพราะช่วยเพิ่มความสามารถให้กับตัวละครได้เป็นอย่างดี และในขั้นที่สูงขึ้นไปนอกจากสกิลสนับสนุนแล้ว ยังมีสกิลประเภท ลดค่าสถานะต่างๆ ของเป้าหมายได้อีกด้วย อย่างเช่น Blind ซึ่งเป็นสกิลในขั้น Regular เป็นสกิลลดความสามารถในการโจมตีของศัตรูให้ลดลงชั่วขณะ เป็นต้น ซึ่งหลังๆ เราจะเริ่มเห็นได้ชั้นมากขึ้นว่า Force Archer จะไม่ค่อยเด่นด้านโจมตีสักเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับอาชีพอื่นๆ แต่จะไปเด่นในด้านการสนับสนุนมากกว่า

Sword Skill

Fade Step : หลบอย่างรวดเร็ว
Dash : เพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ชั่วขณะ

สำหรับสกิลในสาย Sword Skill ที่มีความจำเป็นกับอาชีพ Force Archer คือ Fade Step และ Dash เนื่องจากอาชีพนี้ไม่มีสกิลหยุดเหมือนอาชีพ Wizard สกิล Fade Step และ Dash จึงจำเป็นเวลาที่ต้องการหลบหนีเมื่อถูกเข้าประชิดตัว ซึ่งสามารถใช้ได้ในหลายสถานะทั้ง ตอนเก็บเลเวล ล่าบอส หรือ PvP เรียนไว้รับรองไม่เสียหลาย แต่กว่าจะเรียนได้คงใช้เวลาพอสมควรเลยทีเดียว

Upgrade Skill

สกิลติดตัวสำคัญที่ทุกชีพจำเป็นต้องเรียนรู้ไว้ เพื่อเพิ่มความสามารถพื้นฐานในด้านต่างๆ ของตัวละครให้สูงยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น พลังชีวิต พลังโจมตี หรือ พลังป้องกัน ฯลฯ สำหรับ Force Archer สกิลสำคัญที่ควรเรียนติดตัวไว้มีดังนี้

Vitality Mastery : เพิ่มค่าพลังชีวิตสูงสุด (Novice)
Force Control : เพิ่มพลังโจมตีของเวทย์มนตร์ (Regular)
Defensive Sense : เพิ่มพลังป้องกัน (Regular)

สำหรับ Vitality Mastery มีไว้เพื่อเพิ่มพลัง HP สูงสุด เนื่องจากอาชีพนี้มีค่า HP ค่อนข้างน้อย ส่งนForce Control เป็นสกิลที่ช่วยเพิ่มพลังโจมตีของเวทย์มนตร์ ที่สามารถเรียนได้เมื่อถึงขั้น Regular หรือ สกิลที่ช่วยเพิ่มพลังป้องกันอย่าง Defensive Sense ก็ควรอัพติดตัวไว้ จะช่วยให้เราสามารถเล่นได้ง่ายขึ้น



อาวุธคู่กาย

อาวุธประจำมือของ Force Archer ไม่ใช่ธนูเหมือนกับเกมอื่นๆ แต่จะเรียกว่า Crystal จะมีลักษณะเป็นผลึกแก้ว เวลาใช้งานจะต้องกดเรียกใช้ แล้ว Crystal ก็จะมีปีกกางออกมาเป็นคันธนูที่สวยงาม สำหรับอาวุธประเภท Crystal นี้ต้องการค่า INT สูงพอสมควรในการใช้งาน ซึ่งจะช่วยเพิ่มพลังโจมตีให้มากยิ่งขึ้น และรองลงมาคือค่า DEX ซึ่งจะช่วยเพิ่มความแม่นยำของการใช้เวทมนตร์ ตัวอย่างเช่น Aqua Crystal ต้องการค่า STR 69, INT 208 และ DEX 104 เป็นต้น

เครื่องป้องกัน

สำหรับเครื่องป้องกันของ Force Archer จะเป็นชุด Battle Set ซึ่งเป็นชุดที่มีพลังป้องกันอยู่ในระดับกลาง แต่มีความโดดเด่นด้วยรูปทรงที่ดูล่ำยุคกว่าชุดประเภทอื่นๆ ซึ่งชุดประเภทนี้สามารถใช้ร่วมกับ Forec Blade ได้เพียงแต่ค่าสเตตัสที่ต้องการแตกต่างกัน สำหรับค่าสเตตัสที่จำเป็นสำหรับ Force Archer ในการใส่ชุดนี้คือต้องการค่า DEX มากกว่า ซึ่งแตกต่างจาก Crystay ที่ต้องการค่า INT มากกว่า ทำให้ผุ้เล่นต้องเลือกแล้วล่ะครับว่าจะใช้อันไหนก่อนหรือหลัง สำหรับชุด Battle Set ที่อาชีพนี้สามารถใช้ได้มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 9 ชุดดังนี้







แนวทางการเล่น Force Archer



การเล่น Force Archer นั้นก็ไม่แตกต่างจากการเล่น ของ Wizard เท่าไหร่นัก ด้วยความสามารถในการโจมตีจากระยะไกล เราจึงอาศัยแค่หลักการ “ยิงแล้วถอย” หรือ “วิ่งหลอกล่อ” ในการจัดการกับเป้าหมาย เพื่อไม่ให้เข้ามาใกล้ตัวเราได้ แต่ข้อได้เปรียบสำหรับ Forec Archer นั้นจะดีกว่า Wizard ตรงที่ไม่เปราะบางนัก ในบางครั้งสามารถปะทะกับมอนสเตอร์โดยตรงได้บ้าง จึงไม่มีปัญหาอะไรนักสำหรับการเก็บเลเวลสามารถเก็บเลเวลด้วยการยิงเวทมนตร์อย่างต่อเนื่องได้เรื่อยๆ

การใช้สกิลอย่างต่อเนื่องของ Force Archer ยังส่งผลดีให้กับอาชีพนี้โดยตรง คือ ระดับ Rank ของสกิลจะเลื่อนระดับเร็วมาก เพราะต้องใช้สกิลในการโจมตีตลอดเวลา เรียกได้ว่าเป็นอาชีพที่เก็บเลเวล Rank ได้ง่ายกว่าอาชีพอื่น ทำให้สามารถเรียนสกิลในระดับต่อไปได้เร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย



ถือว่าเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก ด้วยความสามารถในการโจมตีที่รุนแรง และรวดเร็ว มอนสเตอร์จะเข้ามาถึงตัวได้ยาก หรือไม่ก็ใกล้ตายแล้วกว่าจะเข้ามาถึง ทำให้ไม่เจ็บตัวมากนัก อีกทั้งสกิลยังไม่ซับซ้อน แถมยังมีสกิลสนับสนุนที่ถือว่าเป็นจุดเด่นของอาชีพนี้เลยก็ว่าได้ ทำให้อาชีพนี้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ชื่นชอบอาชีพที่สามารถโจมตีจากระยะไกลได้ และที่เด่นที่สุดใครๆ เห็นแล้วต้องสะดุดตา คือ การใช้ปืนคู่สุดเท่ห์ นั่นคือความสามารถที่เรียกว่า Battle Style ของอาชีพ Force Archer ที่จะมีให้ทำเควสท์ตอนเลเวล 50 เพื่อรับความสามารถนี้ หากอยากรู้ว่า Force Archer เจ๋งแค่ไหน ต้องมาลองสัมผัสเท่านั้น

4 ความคิดเห็น:

  1. วอดาบใหญ่ เรียนรูอะไรบ้างคัฟ ถึงถึก ใส่อะไรบ้างคัฟ

    ตอบลบ
  2. ตอนนี้ผมมีมือวอ155แอม14+16แล้วขาดหัว ไม่รู้จะซื้อหัวแบบไหนดีคัฟเเนะนำทีคัฟ

    ตอบลบ
  3. ตอนนี้ผมมีมือวอ155แอม14+16แล้วขาดหัว ไม่รู้จะซื้อหัวแบบไหนดีคัฟเเนะนำทีคัฟ

    ตอบลบ
  4. วอดาบใหญ่ เรียนรูอะไรบ้างคัฟ ถึงถึก ใส่อะไรบ้างคัฟ

    ตอบลบ